Popup
 

เหงือกบวม ปวดฟัน เกิดจากอะไร รักษาอย่างไร ?

_wzqsl.jpg

อาการเหงือกบวม ปัญหาสุขภาพช่องปากที่พบได้บ่อยสำหรับหลายๆ คน หากทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานนอกจากสร้างความเจ็บปวดแล้ว อาจทำให้ปวดฟันและตามมาด้วยปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะเรื่องกลิ่นปากที่อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจ ซึ่งสาเหตุของอาการเหงือกบวมเกิดจากอะไร และมีวิธีการป้องกันหรือรักษาอย่างไร วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน

เหงือกบวมเกิดจากอะไร

เหงือกอักเสบ (Gingivitis) เกิดจากอาการเหงือกบวม ที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นผลมาจากการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากได้ไม่ดีพอ ทำให้มีคราบพลัคจากเชื้อแบคทีเรียและเศษอาหารที่เกาะติดอยู่ตามซอกฟันสะสมจนปกคลุมเนื้อฟัน เมื่อสะสมเป็นเวลานานจนกลายเป็นคราบหินปูนหนา ซึ่งไม่สามารถทำความสะอาดออกไปได้ด้วยการแปรงฟันเพียงอย่างเดียว อาจทำให้เหงือกอับเสบและมีอาการบวมได้
ซึ่งในบางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อยที่ไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวัน จนไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญกับเหงือกบวมหรือเหงือกอับเสบอยู่ จึงปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่รักษา จนทำให้เหงือกอับเสบและลุกลามไปเป็นโรคปริทันต์ (Periodontitis) ที่มีอาการรุนแรงและร้ายแรงกว่า ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียฟันและเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากที่รุนแรงขึ้นตามมาได้

การติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อราหรือเชื้อไวรัส สามารถเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเหงือกบวมได้ ตัวอย่างเช่น การเป็นโรคเริมในช่องปากชนิดเฉียบพลันจากการติดเชื้อไวรัส ทำให้มีแผลในช่องปาก ริมฝีปาก และส่งผลให้เหงือกบวมได้ นอกจากนี้การเติบโตของยีสต์ในช่องปาก ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดหนึ่ง ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เหงือกบวมได้เช่นกัน

ภาวะทุพโภชนาการ หรือที่เรียกกันว่า ร่างกายขาดสารอาหารหรือได้รับโภชนาการทางอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น ขาดวิตามิน B และ C ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และบำรุงเหงือกและฟัน โดยเฉพาะการขาดวิตามิน C นอกจากเสี่ยงต่อการเป็นโรคลักปิดลักเปิดแล้ว ยังทำให้มีเลือดออกตามไรฟัน เสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือกรวมถึงภาวะโลหิตจางอีกด้วย

การตั้งครรภ์ เหงือกบวมอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progerterone) ที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลให้เชื้อโรคบางชนิดเจริญเติบโตได้ดี อัตราการไหลของน้ำลายลดลง ส่งผลให้เหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนต่างๆ ที่รองรับฟันอ่อนแอ เกิดการระคายเคืองและบวมโตได้ อีกทั้งฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในระหว่างตั้งครรภ์อาจลดสมรรถภาพของร่างกายในการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้เกิดเหงือกอับเสบได้ด้วยเช่นกัน

ปัจจัยอื่นที่ทำให้เหงือกบวมได้เช่นกัน

นอกจากปัจจัยต่างๆ ที่ได้กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการเหงือกบวม ปวดฟันหรือเกิดเหงือกอับเสบ ปวดฟันร่วมด้วยได้ เช่น การสูบบุหรี่, มีฟันคุดภายในช่องปาก, การใส่อุปกรณ์จัดฟัน, การใส่ฟันปลอมที่ไม่ได้คุณภาพ, อาการเสียวฟันหรือระคายเคืองจากการใช้ยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปาก, ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด, โรคเหงือก โรคมะเร็งเหงือก โรคมะเร็งในช่องปาก รวมไปถึงพันธุกรรม ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเหงือกบวม ปวดฟันได้

อาการเหงือกบวมมีลักษณะอย่างไร

  • เหงือกขยายใหญ่ บวมโตขึ้นทำให้ไปบดบังฟันในบริเวณนั้น หรือเหงือกอาจบวมนูนออกมาบางส่วน
  • สีของเหงือกจะเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นสีแดงเข้มกว่าปกติ
  • มีอาการปวด ระคายเคืองหรือเสียวฟันร่วมด้วย
  • มีเลือดออกง่ายในขณะแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน

หากมีอาการเหงือกบวม ปวดฟันเกิดขึ้นจนทำให้เกิดความเจ็บปวดและสร้างความลำบากในการดำเนินชีวิตประจำวัน ต่อเนื่องเกินกว่า 2 สัปดาห์ ให้รีบไปพบทันตแพทย์โดยด่วน

ภาวะแทรกซ้อนที่ไม่ควรปล่อยไว้ ต้องรีบพบทันตแพทย์

บางครั้งอาการเหงือกบวมอาจพัฒนาไปสู่ภาวะที่รุนแรงมากขึ้นได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการป่วยที่เป็นอยู่เดิมด้วย เช่น

  • ขากรรไกรเสื่อมจากภาวะเหงือกอักเสบ ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร ที่ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ปกติ ภาวะวิตกกังวล และอาจทำให้สูญเสียความมั่นใจในตนเองด้วย
  • เชื้อโรคจากฝีหรือหนองภายในฟัน แพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อส่วนอื่นๆ หรือเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดตามมา
  • เกิดก้อนมะเร็งในช่องปาก จากการเติบโตของเซลล์มะเร็ง จนลุกลามไปยังเนื้อเยื่อส่วนอื่นๆ ภายในช่องปาก

การรักษาอาการเหงือกบวม ปวดฟัน

หากเป็นเหงือกบวมที่เกิดจากปัจจัยที่ไม่เป็นอันตราย คุณสามารถบรรเทาอาการที่เกิดจากเหงือกบวมได้ด้วยตนเองที่บ้าน โดยสามารถทำได้ดังนี้

  1. แปรงฟันให้ถูกวิธีเพื่อทำความสะอาดช่องปากอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพื่อช่วยขจัดคราบพลัคและเศษอาหารที่อาจไปติดตามซอกฟัน
  2. เลือกผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปาก ที่มีสูตรอ่อนโยน ไม่เผ็ด ไม่แสบปาก และมีคุณสมบัติที่ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย หรือจะใช้วิธีบ้วนปากด้วยน้ำเกลือ เพื่อลดการเกิดเหงือกอับเสบก็ได้เช่นกัน
  3. ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เหมาะสมและเพียงต่อความต้องการของร่างกาย เพราะน้ำเปล่ามีลดการสะสมคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย ซึ่งจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดเหงือกอับเสบและเหงือกบวม
  4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
  5. ควรไปพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อย ทุก 6 เดือน

การป้องกันไม่ให้เกิดอาการเหงือกบวม

วิธีการดูแลช่องปากให้ห่างไกลจากปัญหาเหงือกอับเสบ ปวดฟัน และเหงือกบวม ปวดฟัน มีดังนี้

  1. ดูแลสุขภาพช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ โดยการแปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือหากคุณสามารถแปรงฟันหลังจากมื้ออาหารได้จะดีมาก โดยเฉพาะผู้ที่กำลังจัดฟันหรือกำลังอยู่ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ เพราะมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการเหงือกบวม ปวดฟัน หรือเหงือกอักเสบ ปวดฟัน ได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากในด้านอื่นๆ ตามมาได้
  2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ในการทำความสะอาดช่องปากและเหงือก พร้อมทั้งเคลือบฟันหลังจากการแปรงฟันที่สะอาดแล้ว เพื่อป้องกันคราบพลัคและลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก
  3. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวาน มีปริมาณน้ำตาลสูง
  4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ น้ำหวาน น้ำอัดลม และการสูบบุหรี่
  5. รับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารจำพวกวิตามินซี แคลเซียมและกรดโฟลิก (Folic acid)
  6. ควรสังเกตอาการที่เกิดขึ้นภายในช่องปากและฟันเป็นประจำ หากมีอาการที่รุนแรงขึ้นหรือเรื้อรัง ควรรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
  7. ควรไปพบทันตแพทย์เป็นประจำทุกๆ 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพของช่องปากและขอคำปรึกษาในการดูแลช่องปากให้สะอาดอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่ควรใช้ เพื่อลดโอกาสการเกิดอาการเหงือกบวม ปวดฟัน หรือเหงือกอับเสบ ปวดฟัน

เห็นความอันตรายของอาการเหงือกบวม ปวดฟันกันแล้วใช่มั้ยครับ หากคุณไม่อยากพบเจอปัญหาเหล่านี้ควรใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ และควรไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก เพื่อป้องกันไม่ให้อาการเหล่านี้มารบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อีกทั้งหากตรวจเจอก็สามารถรักษาได้ทันท่วงทีอีกด้วย

Reference Source :
https://www.paolohospital.com/th-TH/center/Article/Details/%E0%B8%9A%E0%...
https://dt.mahidol.ac.th/th/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%A...
https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/line/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A...
https://www.bpksamutprakan.com/procedure/content/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B...
https://www.gcdfund.org/sites/default/files/inline-files/THAI%20OH%20You...

หมายเหตุ: ข้อมูลความรู้ทั่วไปจากเอกสารทางวิชาการ ไม่สามารถนำไปกล่าวอ้างเป็นสรรพคุณทางเครื่องสำอาง

สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยในการทำความสะอาดช่องปากหลังจากการแปรงฟันที่ถูกวิธี และสามารถป้องกันคราบพลัคและลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียได้ เราขอแนะนำ น้ำยาบ้วนปากจากลิสเตอรีน ที่มีให้เลือกหลากหลายรสชาติ มีทั้งสูตรดั้งเดิมและแบบไม่เผ็ด ไร้แอลกอฮอล์ ที่จะมาช่วยให้สุขภาพช่องปากของคุณสะอาด และมั่นใจอยู่เสมอ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ https://www.listerine.co.th/products หรือชอปปิ้งผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้ที่ Shopee และ Lazada ได้แล้ววันนี้